เครื่องฟอกอากาศ

ต้องทำงานค่าแรงขั้นต่ำกี่วัน ถึงจะซื้อเครื่องฟอกอากาศได้ ?

ในวันที่ค่าฝุ่น PM 2.5 สีแดงแจ๋ ฟ้าขมุกขมัว คันคอระคายตาตลอดเวลา ประชาชนอย่างเราอาจทำอะไรไม่ได้นอกจาก
‘ช่วยเหลือตัวเอง’ โดยการเปิดเครื่องฟอกอากาศ 24 ชั่วโมง

ข้อมูลจาก IQAir ระบุว่า วันนี้ค่าฝุ่น กทม. อยู่ที่ 68.2 มคก./ลบ.ม. ซึ่งถือเป็นค่าเกินมาตรฐานที่สูงกว่าค่าคุณภาพอากาศที่ WHO กำหนดไว้ถึง 13.6 เท่า! และถือเป็นค่าอากาศที่อันตรายต่อสุขภาพ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ควรปิดประตูหน้าต่าง และควรใส่หน้ากากอนามัย 

อ้อ IQAir ยังแนะนำให้เปิดเครื่องฟอกอากาศด้วยนะ แต่โชคร้ายเหลือเกินที่ทุกคนไม่อาจอยู่บ้านและเปิดเครื่องฟอกอากาศได้ หนำซ้ำราคาเครื่องฟอกอากาศก็ไม่ใช่ถูกๆ The MATTER อาสารวบรวมข้อมูลและเทียบให้ดูว่า หากต้องการซื้อเครื่องฟอกอากาศ จะต้องทำงานด้วยค่าแรงขั้นต่ำกี่วัน 

ปล. เราหยิบเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ Xiaomi มาเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำ กทม. ซึ่งอยู่ที่ 363 บาท
ซึ่งสาเหตุที่เลือก Xiaomi ด้วยความที่เป็นยี่ห้อที่นิยมใช้กันทั่วไป และเราเอาข้อมูลและราคาเต็มมาจาก Xiaomi Official Store ที่อยู่บนแพลตฟอร์ม Shopee

1. Xiaomi Smart Air Purifier 4 Compact (2,990 บาท)

 – เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก น้ำหนัก 2.2 กก. และมีพื้นที่ครอบคลุมการทำงาน 16-27 ตร.ม. ขณะที่อัตราฟอกอากาศอยู่ที่ 230 ลบ.ม./ชม. หากต้องการซื้อ จะต้องทำงานด้วยค่าแรงขั้นต่ำอย่างน้อย 9 วัน

2. Xiaomi Smart Air Purifier 4 (6,499 บาท)

 – เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดกลาง และเป็นรุ่นที่ขยับคุณภาพขึ้นมาอีกนิด น้ำหนัก 5.6 กก. และมีพื้นที่ครอบคลุมการทำงาน 28-48 ตร.ม. ขณะที่อัตราฟอกอากาศอยู่ที่ 400 ลบ.ม./ชม. รุ่นนี้ถูกเคลมว่าฟอกอากาศในห้องขนาด 20 ตร.ม. ได้ในเวลา 10 นาที ทั้งนี้ หากต้องการซื้อ จะต้องทำงานด้วยค่าแรงขั้นต่ำอย่างน้อย 18 วัน

3. Xiaomi Smart Air Purifier 4 Pro (8,990 บาท)

 – เครื่องฟอกอากาศตัวท็อปของยี่ห้อนี้ น้ำหนัก 6.8 กก. และมีพื้นที่ครอบคลุมการทำงาน 35-60 ตร.ม. ขณะที่อัตราการฟอกอากาศอยู่ที่ 500 ลบ.ม./ชม. รุ่นนี้ถูกเคลมว่าฟอกอากาศในห้องขนาด 40 ตร.ม. ได้ในเวลา 15 นาที ทั้งนี้ หากต้องการซื้อ จะต้องทำงานด้วยค่าแรงขั้นต่ำอย่างน้อย 25 วัน

ระยะเวลาการทำงานที่คำนวนข้างต้น เป็นระยะเวลาที่คิดจากพื้นฐานค่าแรงต่อวันแบบที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายการดำรงชีพอื่นๆ อย่างกินข้าว ค่าเช่า ค่าเดินทาง ค่ายา หรือค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ ดังนั้น ในความเป็นจริงอาจต้องใช้ระยะเวลามากกว่านี้ด้วยซ้ำ เนื่องจากเราคงไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่ใช้เงินซื้อปัจจัย 4

จริงอยู่ที่ราคาที่หยิบมาเป็นราคาเต็ม และเราอาจซื้อถูกกว่านี้ได้หากได้โค้ดส่วนลด (หรือแม้กระทั่งซื้อจากร้านอื่น) แต่ก็อยากชวนตั้งข้อสังเกตว่า ราคาเหล่านี้ไม่ถูก และอาจไม่ใช่ทุกคนที่ซื้อไหว ท่ามกลางปัญหาฝุ่นพิษแบบนี้ หรือจริงๆ มันอาจไม่ควรเป็นเพียงหน้าที่เราในการจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก็ได้ ?